สวัสดีครับ บทความนี้เราจะมารีวิวตัว Gear VR 2 กันครับ ซึ่งครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์อย่างเป็นทางการ จาก Samsung ครับ
เล่าประวัติสักนิดนะครับ ตัว Gear Vr series นี้เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่า Oculus และ Samsung ครับ โดย Oculus นี้เป็นบริษัทผู้นำด้าน VR ที่ได้ผลิตอุปกรณ์ Oculus Rift มาก่อน สำหรับ PCซึ่งตัว Gear VR2 นี้เป็นรุ่นพัฒนาจาก Gear VR ที่ได้ออกมาสู่ตลาดในช่วงเดือน พฤศจิกายน ปีที่แล้วครับ
รูปเปรียบเทียบ Gear VR ทั้งสองเวอร์ชั่น (ซ้าย Gear VR2, ขวา Gear VR)
จุดที่มีการปรับปรุงเพิ่มในเวอชั่นที่ 2 นี้ที่เห็นชัดเจนที่สุดน่าจะเป็นส่วนหัวต่อเข้าเครื่องมือถือ ที่สามารถถอดเปลี่ยนเป็น micro usb หรือ USB Type C ได้ ทำให้สามารถรองรับรุ่นมือถือใหม่ๆที่เป็น USB Type C ได้ด้วย
ส่วนต่อมือถือที่เปลี่ยนได้ระหว่าง USB Type-C กับ Micro USB
รูปลักษณ์ภายนอก
Design ภายนอกนับว่าดูหรูหรากว่าเดิมมาก การที่เปลี่ยนจากสีขาวขุ่น เป็น สีน้ำเงิน-ดำ กึ่งด้าน กึ่งมันวาว ทำให้ตัว Gear VR 2 นั้นดูมีเสน่ห์ และ ดูทันสมัยกว่าเดิม และยังดูเข้ากันได้ดีกับวัสดุแบบโลหะของมือถือรุ่นใหม่ๆ อย่าง S7 อีกด้วย
รูปถ่ายด้านข้างของ Gear VR 2
วัสดุที่ใช้ผลิต ภายนอกเป็นพลาสติกด้านทำให้ไม่เกิดรอยนิ้วมือเวลาจับ และมีน้ำหนักเบามาก
ตัวเลนส์นั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า Gear VR เดิม และนับว่ามีขนาดใหญ่มาก เมื่อเทียบกับคู่แข่งเจ้าอื่นๆ ทำการมองเห็นของ Gear VR2 นั้นมีมุมมองที่กว้างกว่า headset อื่นๆอย่างเห็นได้ชัด (กว้างสุด 101 องศา)
รูปถ่ายด้านในของ Gear VR 2 เลนส์ชุดใหม่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ประมาณ 10%
จุดที่แตกต่างระหว่าง Gear VR series กับ Headset อื่นๆ ที่โดดเด่นอีกจุดคือ ตัว Gear VR นั้นจะมี Touch pad , ปุ่มปรับเสียง, ปุ่ม home และ ปุ่ม back ที่เชื่อมต่อกับตัวมือถือ เพิ่มขึ้นมาด้านขวาของตัว headset (Gear VR1 จะไม่มีปุ่ม Home ครับ)
Touch Pad ด้านข้างดีไซน์ใหม่ ดูเหมือนกับของ Laptop มากขึ้น
จาก Gear VR 1 นั้น Touch Pad จะเป็นรูปกากบาท ทำให้ผู้ใช้สับสนว่ากดลงไปได้มั้ย Gear Vr 2 ปรับให้ตรงนี้เป็บแบนราบแทน เหมือนกัน computer laptop ต่างๆ ทำให้ไม่เกิดความสับสนเหมือนเดิมแล้วครับ
การที่มีส่วนควบคุมนี้เพิ่มขึ้นมา ทำให้ตัว Gear VR สามารถใช้ควบคู่กับ application ที่เป็น Interactive ได้สะดวกกว่า headset อื่นๆ อย่าง VR Box หรือ VR One มาก เพราะไม่ต้องถอดมือถือออกมา เพื่อที่จะกดคำสั่งต่างๆเช่น เปลี่ยน app เป็นต้น
Port USB สำหรับต่ออุปกรพ่วง (external storage / สายชาร์จ) ซึ่งมีหัวแปลง USB Type-C มาให้ด้วยเช่นกัน
จุดที่ยังเป็นปัญหาค้างคาจากตัว Gear VR เดิมคือตัว port สำหรับ Charge ที่ยังมีเพียงอันเดียว ทำให้ไม่สามารถต่ออุปกรณ์เสริม เช่น external harddisk หรือ controller ต่างๆไปด้วยขณะชาร์จได้ (มี adaptor แปลงจาก USB Type-C เป็น MicroUSB แถมมาให้ด้วย)
Gear VR 2 ขณะสวมใส่
ด้วยวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ทำให้เวลาสวมใส่ Gear VR 2 นั้นค่อนข้างสบาย เมื่อเทียบกับ VR One หรือ VR Box ที่มีน้ำหนักมากกว่าเกือบสองเท่าตัว เวลาเคลื่อนไหวไปมา หันศีรษะ สามารถทำได้คล่องแคล่วกว่ามาก
App/ Software
App สำหรับ Gear VR โดยเฉพาะนั้นสามารถดาวโหลดได้จาก Oculus Store App เป็นหลักครับ เพราะตัว App ที่จะใช้กับ Gear VR ได้จะต้องพัฒนาโดยใช้ Oculus Mobile SDK เท่านั้น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://developer3.oculus.com/documentation/mobilesdk/latest/
เนื่องจาก Application เหล่านี้ถูกสร้างมาเฉพาะ เพื่อ Gear VR เท่านั้น ทำให้สามารถทำงานได้ลื่นไหล กว่า Application ทั่วๆไปมาก และยังถูกออกแบบมาให้ใช้กับตัวควบคุมของ Gear VR อีกด้วย แต่การที่จำเป็นจะต้องมี App store เพิ่มมาอีกสำหรับ VR app นั้น ก็ทำให้เพิ่มความซับซ้อนในการเข้าถึง VR app มากขึ้นไม่น้อยเลย
เปรียบเทียบกับ VR อื่นๆที่มีในตลาด
Headset อื่นๆที่มีในตลาดตอนนี้ ส่วนมากจะทำตัวเหมือนเป็น “ที่วาง” โทรศัพท์เท่านั้น ไม่ได้มีระบบอะไรที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานใดๆให้กับผู้ใช้เลย ซึ่งทำให้ตัว Gear VR ที่มาพร้อมกับ Software รองรับต่างๆ และยังมีส่วนควบคุมเพิ่มมา ทำให้ประสบการณ์การใช้งานโดยรวมนั้นค่อนข้างสะดวกสบายกว่าของ Headset อื่นๆมาก โดยเฉพาะส่วนที่ไม่ต้องถอดโทรศัพท์ออกมาเพื่อที่จะเปลี่ยน app ครับ
Leave a Reply